การชันสูตรพลิกศพเสมือนจริงดำเนินการโดยใช้เทคนิคการถ่ายภาพรังสีซึ่งสามารถใช้ในการชันสูตรพลิกศพของผู้เสียชีวิต เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการชันสูตรทางการแพทย์ ซึ่งใช้ภาพถ่ายรังสี เช่นการถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) และการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ( CT scan ) ซึ่งสร้างภาพรังสีเพื่อระบุสาเหตุของการตาย ลักษณะ และ การตายโดยไม่ได้ชำแหละศพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการระบุตัวตนของผู้เสียชีวิต วิธีนี้มีประโยชน์ในการระบุคำถามที่เกี่ยวกับการ ชันสูตรศพ โดยไม่ทำให้ผู้ตรวจสอบต้องเสี่ยงกับสารอันตรายทางชีวภาพที่อาจอยู่ในร่างกายของแต่ละคน ในปี 2547 ในอังกฤษและเวลส์ มีผู้เสียชีวิต 514,000 ราย โดย 225,500 รายถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ในจำนวนนี้ 115,800 ราย (22.5% ของการเสียชีวิตทั้งหมด) ได้รับการชันสูตรพลิกศพ และมีการไต่สวน 28,300 ครั้ง โดยมีคณะลูกขุน 570 คน อัตราการชันสูตรพลิกศพ (โรงพยาบาล) ที่ได้รับความยินยอมในสหราชอาณาจักรและทั่วโลกลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ในสหราชอาณาจักรในปี 2556 มีเพียง 0.7% ของการเสียชีวิตผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ป่วยในเท่านั้นที่ตามมาด้วยการชันสูตรพลิกศพที่ยินยอม อัตราการชันสูตรพลิกศพในเยอรมนีต่ำกว่า 5% จึงต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรปมาก เงินที่รัฐบาลจ่ายคืนนั้นแทบจะไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ดังนั้นวารสารทางการแพทย์Deutsches Ärzteblattซึ่งออกโดยสมาคมการแพทย์แห่งประเทศเยอรมนีจึงพยายามที่จะสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการใช้เงินไม่เพียงพอในการชันสูตรพลิกศพ แหล่งข่าวเดียวกันระบุว่าอัตราการชันสูตรพลิกศพในสวีเดนและฟินแลนด์สูงถึง 20 ถึง 30% ในสหรัฐอเมริกา อัตราการชันสูตรพลิกศพลดลงจาก 17% ในปี 2523 เป็น 14% ในปี 2528 และ 11.5% ในปี 2532 แม้ว่าตัวเลขจะแตกต่างกันไปในแต่ละมณฑล